วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ช่วงหนึ่งของชีวิต

สวัสดีค่ะ....กล่าวคำทักทายกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปนาน เป็นเวลาหลายเดือน จากบล็อกที่แล้วแอนเขียนค้างเรื่องทริปไปญี่ปุ่นเอาไว้ ตอนนั้นคิดว่าจะเขียนต่อให้จบ แต่ด้วยเป็นคนที่ชอบใช้อารมณ์ในการเขียน ตอนนั้นไม่มีอารมณ์เขียน หัวสมองไม่แล่นให้เขียนเล่าเรื่องราว...เลยปล่อยค้างไว้ มาจนถึงตอนนี้..ขอสารภาพจากใจค่ะ ว่า ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะเขียนเรื่องทริปนั้นแล้ว...แม้ว่าแอนจะไม่ได้เขียนเล่าเรื่องต่อ...แต่ความทรงจำ ความประทับใจจากทริปนั้นยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่จางหาย..ขอบคุณทุกสิ่ง ที่ทำให้ได้ไปเจอประสบการณ์ตรงนั้น ทุกๆการท่องเที่ยว ทุกๆการพบเจอ ทุกๆการรู้จักเพื่อนใหม่ ทุกๆการรู้จักเพื่อนเก่า ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับชีวิตทั้งนั้น...ขอบคุณจริงๆนะ

หลังจากที่ได้อธิบายสาเหตุการเขียนเรื่องแล้วค้างเติ่งเอาไว้แล้ว ก็มาว่าด้วยเรื่องของชีวิตกันดีกว่า ขอให้บล็อกนี้ เป็นบล็อกระบาย บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาหน่อยนะ

จากที่ใครๆก็ทราบกันดีแล้วว่า ตอนนี้อาชีพหลักของแอน คือ การทำขนมเบเกอร์รี่ขาย ซึ่งขายทางออนไลน์ ผ่านเพจทางfacebook ไม่ได้มีหน้าร้าน...แอนจับอาชีพนี้มาเป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้วค่ะ อยู่ดีดี ในใจก็ตั้งคำถามให้ตัวเองว่า ทำไมเดินมาได้เท่านี้ เป็นเพราะอะไรเหรอที่เรายังไปไม่ถึงไหน...แรกๆ แอนไม่เคยสนใจว่าทำไมเราต้องวิเคราะห์ ทำไมเราต้องตั้งเป้าหมาย ก็ทำไปเรื่อยเปื่อย ช่วงปีแรก ถึงกลางปีที่สอง  แอนได้ไปทำงานประจำหนึ่งควบคู่กับงานนี้ ทำไปควบคู่กันแบบนี้เป็นเวลา 7 เดือน หวังว่าจะได้มีรายได้สองทาง  แต่เปล่าเลย การจับปลาหลายมือ ที่เกินความสามารถของตนนั้น เป็นการทำร้ายตัวเองนะ เพราะเราจะไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเลย  ดังนั้นแอนจึงคิดปล่อยปลาที่ถือไว้ข้างนึง แล้วมามุ่งเอาใจใส่ปลาที่ถือโดยมืออีกข้าง...

เรื่องมันเหมือนจะดีใช่มะ... ใช่ เหมือนจะดี เพราะทำดีได้ครึ่งปีหลัง ร้านกำลังไปได้สวย มีลูกค้ารู้จักเรามากขึ้น เอ้ย มันดีนะ แต่ๆๆๆ หลังจากนั้น เกิดวิกฤตชีวิต ดั่งมรสุมทีซัดคลื่นยักษ์เข้ามา แล้วมันทำให้เกิดอะไรเหรอ...เดินเป๋กันไปเลยค่ะ จากนั้นจากร้านที่กำลังไปรุ่ง ก็ดิ่งลง เพราะแอนไม่มีอารมณ์ทำขนมเลย ช่วงนั้นก็พยายามฟื้นฟูตัวเองให้หายดี เพื่อจะได้ทำงานตัวเองต่อไป...ใช้เวลาสองถึงสามเดือนเริ่มดีขึ้น กลับมาทำขนมได้ตามปกติ แต่ทำไม ร้านยังเดินมาได้แค่นี้  คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่...

จากวันนั้นก็ทำต่อมาเรื่อยๆ และได้นั่งวิเคราะห์สาเหตุการเดินอยู่กับที่ของกิจการ ก็พบว่า เรามีอะไรต้องปรับปรุงบ้าง




1. ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน
2. ไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
3. ไม่แยกระหว่างบัญชีส่วนตัวกับบัญชีร้าน
4. ทำงานแบบไม่จริงจัง ไม่ต่อเนื่อง
5. ขาดการประชาสัมพันธ์ การตลาดที่ดี
6. ขาดระบบการจัดทำขนมในแต่ละวัน

ที่คิดได้ตอนนั้นมีเท่านี้...แม้จะเป็นแค่ 6 ข้อ แต่มันก็เป็นหัวใจสำคัญทั้งนั้น เอาไงหล่ะทีนี้แอน เธอจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไรดี

อยากบอกว่า ตั้งแต่เริ่มทำกิจการมา มีผู้หวังดีเข้ามาช่วยเหลือ ให้คำแนะนำในหลายๆเรื่อง เราก็ทำตามบ้าง ไม่ทำบ้าง เพราะขาดความใส่ใจ ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน แอนเชื่อว่าสิ่งนี้สำคัญ เพราะถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน บวกกับมีการวางแผนการเดินทางสักหน่อย ค่อยๆเดินตามทางที่วางไว้ แม้ว่าจะเดินช้า ก็ค่อยๆเดินไป วันนึงเราก็จะถึงเป้าหมาย  แต่นี่ แอนปล่อยให้คำที่เรียก  ศิลปิน ติสท์ เข้ามาเป็นเหตุผลให้ตัวเองตลอดว่า เราชอบการทำงานแบบนี้ เราอยากให้เป็นแบบนี้.....ตอนนี้ขอบอกเลยว่า พอเถอะแอน กับการใช้คำเหล่านี้มาเป็นข้ออ้างไปซะทุกเรื่อง   ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องทิ้งความเป็นศิลปิน ความติสท์ในตัวเอง  แต่เราควรแยกแยะให้ออกว่า ควรนำมันมาใช้ในเรื่องอะไร  โอเค ถ้าเรานำมาใช้ในเรื่องการคิด ออกแบบเค้ก ขนม การตลาดต่างๆ คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ได้ใช้ศิลปะกับทางด้านนี้  แต่อย่าให้มันมาก จนควบคุมไปทุกเรื่อง 

สิ่งที่แย่อีกเรื่อง ปัจจัยสำคัญคือการไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ทำให้เราไม่สามารถทราบได้เลยว่า ทิศทางของร้านเป็นอย่างไร ตอนนี้ที่ทำไป เรามีกำไรหรือขาดทุน....และที่เหลวร้ายกว่านั้นคือการไม่แยกเงินระหว่างเงินร้านและเงินตัวเอง มันทำให้เราไม่มีเงินเก็บ คิดเอาเองว่าทำแล้วไม่ได้กำไร ซึ่งมันอาจจะไม่ได้กำไรจริงๆ หรืออาจจะเพราะการใช้เงินเกินก็เป็นได้...

จากนี้ควรทำอย่างไร...
มีหลายๆคนบอกและเตือนด้วยความเป็นห่วงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นน้าสาวที่รัก ที่คอยถามไถ่เรื่องกิจการ ทำระบบยัญชีมาให้เพื่อกรอกบันทึกข้อมูล ให้คำแนะนำปรึกษาทุกอย่าง  หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่คอยเป็นห่วง แนะนำว่าควรแยกบัญชีระหว่างเงินตัวเอง และเงินร้าน ถึงขั้นเคยจะให้ยืมเงินมาเพื่อแยกเงินตัวเองกับเงินร้านให้ชัดเจน เราก็อยากให้มันแยกกันดีๆอะนะ  แต่เราไม่รบกวนเงินเธอดีกว่า เราเกรงใจ...

แต่ไม่ว่าใครจะให้คำแนะนำอะไร ทุกอย่างเริ่มที่ใจ และตามด้วยการกระทำ   หาใจไม่ปรับ การกระทำก็ไม่เกิด หรือปรับใจแล้ว แต่ไม่กระทำ มันก็ไม่เกิด...

ตอนนี้...

ใจเริ่มปรับ การะทำเริ่มตามมา
แอนไม่ได้เป็นคนขยัน มุ่มั่น เก่งอะไร ทุกอย่างจึงค่อยๆเริ่ม คิดว่าเราก้าวช้าๆ แต่ก้าวให้ได้นาน น่าจะดีกว่าสำหรับตัวเรา  คนเราจะรู้ลิมิตของตัวเอง หากวันนึงเราก้าวเท่านี้จนชินแล้ว ก็ค่อยๆพัฒนาก้าวให้เร็วขึ้นนะ อย่าเดินย่ำอยู่กับที่อีกหล่ะ

จะบอกว่า..เมื่อเดือนที่แล้ว 1.10.58

แอนได้เริ่มแก้ไขปัญหาในหลายๆเรื่องแล้ว เริ่มจากการตั้งเป้าหมาย ต่อมาการทำบัญชี แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้แยกเงินระหว่างเงินร้านและเงินตัวเอง แต่ก็ได้มีการทำบัญชีทั้งของร้านแลัของตัวเองไว้ วันนึงเมื่อมีเงินเยอะส่่วนนึง เราคงแยกมันออกมาชัดเจนได้มากกว่านี้


วันนี้ 16.11.58 ผ่านมา 1เดือนครึ่งแล้ว แอนยังคงทำมันต่อไป ในหนทางที่ได้ปรับปรุง รู้สึกชีวิตดีขึ้น มีความหวังมากขึ้น 


อยากขอบคุณคนที่อยู่เบื้องหลังทุกคน ที่ทำให้แอนได้รู้สึกอยากปรับตัวเอง ขอบคุณที่ให้คำแนะนำเสมอ อยากบอกว่า อยากให้อยู่เป็นกำลังใจ กันไปเรื่อยๆนะ อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อย เพราะการทำงานคนเดียว บางครั้งมันก็เหงา บางครั้งมันก็ท้อ อยากมีคนคอยรับฟัง คอยช่วยคิด แนะนำในบางเรื่อง หรือหลายๆเรื่องก็ได้555 อืม...ขอบคุณจริงๆ หลายๆครั้งอาจดูเหมือนไม่รับฟังความคิดเห็น แต่อยากให้รู้ว่า รับฟังนะ แต่ก็อยากให้เข้าใจพื้นฐานความเป็นตัวแอนด้วย   แอนขอปรับไปให้ยังไม่ทิ้งความเป็นตัวเองทั้งหมดได้มะ ปรับไปพร้อมๆกันได้มะ....วันนึงถ้าแอนประสบความสำเร็จ อยากให้รู้ว่าพวกคุณๆทั้งหลาย ทำให้แอนสำเร็จได้นะ ขอบคุณๆๆ


จากที่พร่ำมาทั้งหมด เป็นความอัดอั้นที่มีมาตลอด วันนี้อาจไม่มีใครได้อ่านบล็อกนี้ ไม่เป็นไร เพราะแอนก็แค่อยากปลดปล่อยสิ่งที่คิดและไม่รู้จะบอกใคร เพราะบางครั้ง เราก็ขาดคนที่คอยรับฟังเราทุกเรื่องเหมือนที่เป็นมา อยากให้ที่นี่ เป็นเพื่อนที่ดี  ที่คอยรับฟังเรา...หรือถ้าใครได้มีโอกาสได้เข้ามาอ่านก็ขอให้ดูประสบการณ์ของแอน อย่าทำนิสัยแบบแอน 555  ส่วนไหนที่ดี อยากเก็บไปใช้ ก็เอาเลย ยินดีมากๆๆ

อยากบอกว่า ทุกคนล้วนมีความฝัน หากเราฝันสิ่งใดแล้ว ขอให้ทำมันนะ เราไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เราไม่รู้จะมีโอกาสได้เดินตามความฝันแบบนี้อีกนานแค่ไหน...เพราะฉะนั้น ฝันอะไร จงทำ ขอให้เดินทางไปถึงเป้าหมายในที่สุด  ที่สำคัญ ต้องอย่าลืมระหว่างด้วยนะ ว่า เราเดินมาตรงนี้ได้ เพราะคนระหว่างทางด้วยใช่มะ...

ขอบคุณที่ร่วมอ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย
ขอบคุณจริงๆนะ
ขอบคุณจากใจค่ะ



แอน ร้าน AND ANT BAKE AT HOME
16.11.58 : 23.30